19 JUL 2023 บทความผลิตภัณฑ์ 3 นาทีในการอ่าน 2328 VIEWS 11 แชร์

แพทย์แผนจีนกับการเสริมความคุ้มกัน | นิตยสารอะชีฟ ฉบับสิงหาคม 2566

h1_health_p25_aug2023.png

โดย แพทย์จีนเชน ปรีชาวณิชวงศ์ แพทย์แผนจีนประจำหยินหยางคลินิก

การแพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์การแพทย์แผนโบราณที่สืบทอดในประเทศจีนมาเป็นเวลากว่า 5,000 ปี ผ่านการทดสอบและพิสูจน์จนเป็นที่ประจักษ์ถึงผลการรักษาที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง

แนวความคิดการดูแลร่างกายแบบแพทย์แผนจีน

แพทย์แผนจีนเชื่อว่า อะไรที่มากหรือน้อยเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายและก่อให้เกิดโรคได้ ด้วยตรรกะแนวคิดเช่นนี้นำไปสู่แนวทางการป้องกัน รักษา และบำบัดโรค เช่น หากมีมากเกินจนทำให้เกิดโรคก็จำต้องตัดทิ้งหรือขับออก ดังที่ทุกวันนี้อาหารการกินของเรานั้นอุดมไปด้วยความหวานและไขมัน กลายเป็นสารอาหารที่บริโภคเข้าไปมากเกินความจำเป็นของร่างกาย และกลายเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงโรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะไขมันในเลือดสูงต่างๆ ขณะเดียวกันหากมีน้อยเกินไปจนขาด เราก็จำเป็นต้องบำรุงเพิ่มเติม ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความสมดุลให้กับร่างกายนั่นเอง

ในแพทย์แผนจีน “หยิน” และ “หยาง” เป็นคำที่ใช้ในการอธิบายสมดุลและความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของสิ่งต่างๆ รวมถึงสภาพร่างกายและจิตใจของมนุษย์ด้วย โดยธาตุหยินนั้นแทนสิ่งที่เย็น และธาตุหยางนั้นแทนสิ่งที่ร้อน เมื่อสมดุลระหว่างหยินและหยางถูกทำให้เสียไปก็สามารถนำไปสู่อาการเจ็บป่วยได้ เช่น ธาตุหยางในร่างกายมากเกินไปอาจเกิดอาการร้อนในร่างกายขึ้น เช่น ปวดศรีษะ กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ ในทางกลับกัน หากธาตุหยินมากเกินไปก็อาจเกิดอาการหนาวในร่างกาย เช่น กลัวหนาว อ่อนเพลีย ซึมเศร้า ไม่สดชื่นได้

นอกจากหยินและหยางจะเป็นขั้วตรงข้ามที่คอยข่มกันเพื่อสร้างสมดุลแล้ว หยินและหยางยังจำเป็นต้องเกื้อกูลกันอีกด้วย โดยจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของเลือดและลมปราณในร่างกาย

body1_health_p25_aug2023.png

เลือดนั้นคือหยินและลมปราณคือหยาง ลมปราณ เปรียบดั่งพลังงานที่ทำให้ชีวิตขับเคลื่อน ลมปราณยังเป็นตัวสร้างเลือด โดยการปลี่ยนอาหารที่เรากินเข้าไปให้กลายเป็นสารอาหารและเลือด หากลมปราณลดลง เราก็จะรู้สึกไม่มีแรง เหนื่อยง่าย กระทั่งไม่อยากพูดจา ขณะที่เลือดคือธาตุหยิน เป็นเหมือนสารอาหารที่คอยหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย รวมถึงหล่อเลี้ยงลมปราณด้วย

เลือดและลมปราณต้องทำงานร่วมกัน หากลมปราณอ่อนแอก็จะไม่สร้างเลือดและไม่กำกับดูแลการไหลเวียนของเลือด เลือดก็จะพร่อง หรือไม่ไหลตามทางที่ควร และอาจทำให้เลือดออกง่ายหรือผิดปกติได้ เช่น เลือดประจำเดือนมากหรือน้อยเกินไป ขณะเดียวกัน หากเลือดไม่พอหล่อเลี้ยง ลมปราณก็จะไม่มีพลังที่จะทำงาน

ดังนั้น นอกจากจะต้องรักษาสมดุลให้กับหยินหยางและเลือดลมแล้ว ยังต้องคอยบำรุงเพื่อให้ทั้งสองทำงานเกื้อหนุนกันอีกด้วย ร่างกายจึงจะสมบูรณ์แข็งแรง

body21_health_p25_aug2023.png

เติมพลังลมปราณ
เสริมภูมิคุ้มกัน

ในปัจจุบันคนมีภาวะพร่องสุขภาพกันมาก กล่าวคือ ไม่ป่วยถึงกับเป็นโรค ตรวจสุขภาพทางห้องแล็บก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่รู้สึกว่าตนเองไม่แข็งแรง ที่แท้แล้วอาจจะเกิดจากการเสียสมดุลของร่างกายนั่นเอง


body22_health_p25_aug2023.png


แพทย์แผนจีนมีคำกล่าวว่า โรคทั้งหลายล้วนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของลมปราณ หากลมปราณภายในกายดี โรคก็จะไม่กล้ำกราย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของลมปราณในการป้องกันโรคหรือภูมิคุ้มกันนั่นเอง

ถ้าลมปราณอ่อนแอ มนุษย์จะไม่มีพลังในการขับเคลื่อนชีวิตอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง ภูมิคุ้มกันโรคจะต่ำ การย่อยและดูดซึมสารอาหารจะบกพร่อง ก่อให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย ยิ่งในช่วงที่มีโรคระบาดในหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของลมปราณในการป้องกันโรคขนาดที่ทางรัฐบาลกลางของจีนกำหนดตำรับยาที่ใช้ป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการบำรุงลมปราณเลยนั่นเอง

แพทย์แผนจีนมีหลักการในการสังเกตเห็นถึงความเสียสมดุลของร่างกายได้ล่วงหน้า ทำให้ศาสตร์แพทย์แผนจีนเหมาะสมอย่างมากต่อการนำมาป้องกันโรค

นอกจากลมปราณจะช่วยป้องกันโรคแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังจากการเจ็บป่วยอีกด้วย เช่น ภาวะ Long COVID ที่เรามักมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่กระปรี้กระเปร่า หายใจไม่เต็มอิ่ม ไอ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงภาวะลมปราณพร่อง เชื้อเพลิงพลังชีวิตไม่เพียงพอจึงรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลมปราณไม่สามารถไหลเข้าออกได้อย่างปกติ จึงรู้สึกว่าหายใจตื้นและไม่อิ่ม หากลมปราณไหลเข้าไม่สะดวก และไหลออกมากเกินไปก็จะทำให้ไอเรื้อรังได้ ดังนั้น หาก ต้องการจะฟื้นจากภาวะ Long COVID โดยไว การบำรุงลมปราณจึงเป็นสิ่งจำเป็น

Nu_line_health_p25_aug2023.png

เห็ดหลินจือ

ราชาแห่งสมุนไพรจีน

ถ้ากล่าวถึงสมุนไพรจีนที่ใช้เพื่อบำรุงเลือดและลมปราณมาอย่างยาวนาน เห็ดหลินจือ หรือ Ganoderma เป็นสมุนไพรลำดับต้นที่ใช้กันมานานหลายศตวรรษ เห็ดหลินจือ ได้ถูกบันทึกไว้ว่ามีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมากกว่า 100 สายพันธ์ แต่สายพันธ์ที่นิยมมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ Ganoderma Lucidum หรือสายพันธุ์สีแดง

body31_health_p25_aug2023.png

ในการแพทย์แผนจีน เห็ดหลินจือมีรสชาติหวาน เหมาะในการบำรุงร่างกายโดยเฉพาะหัวใจ ปอด ตับ และไต มีสรรพคุณบำรุงลมปราณและเลือดบำรุงหัวใจ ให้จิตใจสงบ ระงับไอแก้หอบ โดยคัมภีร์ยาจีนเล่มแรกๆ ในประวัติศาสตร์ถึงกับยกย่องสรรพคุณของหลินจือว่า “หากกินเป็นเวลานานจะทำให้ตัวเบาสบาย ไม่ชรา และมีอายุยืน” เนื่องจากหลินจือมีฤทธิ์กลางไม่ร้อนหรือเย็น จึงนำมารับประทานได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลว่าร่างกายจะเสียสมดุล ขณะเดียวกันก็ยังช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังเจ็บป่วยได้ เมื่อเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจเพียงพอก็จะทำให้จิตใจสงบ นอนหลับสบายอีกด้วย

นอกจากนั้นยังมีผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่มีส่วนช่วยเสริมเรื่องภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน เช่น เอลเดอร์เบอร์รี (Elderberry) และซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn)

เอลเดอร์เบอร์รี (Elderberry)

body311_health_p25_aug2023.png

ซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn)

body312_health_p25_aug2023.png

เป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคไขข้อ รักษาแผลไฟไหม้ ไปจนถึงการดูแลผิวพรรณ อุดมไปด้วยแอนโทไซยานิน(Anthocyanin) ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันผ่านกระบวนการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยยับยั้งการรุกล้ำของเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ในร่างกายได้

เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวเอเชียตะวันออกนิยมใช้ซีบัคธอร์นเป็นยาอายุวัฒนะ อีกทั้งยังถูกบันทึกลงในตำรับยาจีนโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง นอกจากจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันแล้ว ยังถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เสริมสร้างระบบทางเดินอาหาร ลดการอักเสบและรักษาปัญหาผิวอีกด้วย

En_line_health_p25_aug2023.png



เพิ่มภูมิคุ้มกัน

ด้วยการนอนหลับ

ในยุคปัจจุบันที่คนเรามีภาระงานหนัก ใช้ร่างกายอย่างหักโหม มีทั้งความเครียดและความวิตกกังวล อาการนอนไม่หลับจึงเป็นสภาวะหนึ่งที่พบบ่อยขึ้น

อาการนอนไม่หลับส่งผลให้เกิดความผิดปกติทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นอาการหลับไม่ลึกหลับไม่สนิทหรือฝันมาก นอนหลับๆ ตื่นๆ หรือตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้ ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่น หากนอนไม่หลับมากกว่า 1 สัปดาห์ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต สภาพจิตใจ สภาพร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อีกด้วย

body41_health_p25_aug2023.png

การนอนหลับก็เปรียบเสมือนการชาร์จพลังงานนั่นเอง หากเรานอนไม่ดี ชาร์จแบตเตอรี่ได้ไม่เต็มที่ในวันถัดๆ ไปก็จะมีพลังงานเหลือใช้น้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายโทรศัพท์เครื่องนั้นก็ต้องดับลงในสักวัน การนอนหลับจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

ในทางการแพทย์แผนจีน สาเหตุของการนอนไม่หลับ
มักมีความเกี่ยวโยงกับอวัยวะหัวใจ ตับ และม้าม

1_health_p25_aug2023.png

หัวใจเป็นอวัยวะที่ควบคุมจิตใจ หากหัวใจมีลมปราณและเลือดไม่เพียงพอก็จะทำให้จิตใจควบคุมได้ยาก จิตใจไม่สงบ ใจสั่น ขี้หลงขี้ลืม และนอนไม่หลับก็ได้ หัวใจยังมีหน้าที่ควบคุมเหงื่อ ดังนั้น หากเลือดที่หัวใจพร่องลงจะทำให้เหงื่อออกง่ายโดยเฉพาะยามที่เรานอนหลับ เช่น ผู้หญิงในวัยใกล้หทดประจำเดือน

2_health_p25_aug2023.png

ตับเป็นอวัยวะควบคุมในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ หากเราเผชิญกับความเครียด จะทำให้ก่อเกิดไฟที่ตับได้ และเผาผลาญหัวใจจนทำให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายได้

3_health_p25_aug2023.png

ม้ามเป็นอวัยวะที่ควบคุมการย่อยอาหาร เป็นแหล่งกำเนิดเลือดของมนุษย์ หากม้ามอ่อนแรง เลือดในร่างกายก็จะน้อยลงและไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้จิตใจกระวนกระวายไม่สงบและนอนหลับยาก

body51_health_p25_aug2023.png

เมล็ดพุทธาจีน

สมุนไพรรวมสรรพคุณ

สมุนไพรจีนที่สำคัญ รักษาอาการนอนไม่หลับ คงขาดสมุนไพรอย่างเมล็ดพุทราไม่ได้ เมล็ดพุทธาจีนเป็นสมุนไพรที่มีรสชาติหวานและเปรี้ยว มีสรรพคุณบำรุงหัวใจและตับ สงบจิตใจ ระงับเหงื่อและเสริมสารน้ำในร่างกายได้ สามารถบำรุงธาตุหยินและเลือดที่หัวใจได้ จึงมักใช้รักษากลุ่มอาการหยินและเลือดพร่องไม่พอเลี้ยงหัวใจ นอกจากจะช่วยในเรื่องการนอนหลับแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความมั่นคงทางอารมณ์ได้อีกด้วย จนถูกนำไปเป็นส่วนผสมหลักของตำรายาที่ใช้รักษาอาการนอนไม่หลับ อย่างเช่น

ตำรับซวนจาวเหรินทัง ช่วยบำรุงเลือด สงบจิตใจ ระบายร้อน ระงับความกังวล และตำรับกุยผีทัง ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด หัวใจ และม้าม หรือตำหรับเทียนหวางปู่ซินตาน ที่บำรุงหัวใจและหยินและด้วยฤทธิ์กลางๆ ของเมล็ดพุทธาจีนที่ไม่ร้อนหรือเย็นไป จึงเหมาะที่จะนำมาใช้รักษาอาการนอนไม่หลับ โดยไม้ต้องกังวลว่าจะทำให้ธาตุของร่างกายเสียสมดุลแม้ว่าจะใช้เป็นเวลานานก็ตาม

body52_health_p25_aug2023.png

เมื่อเราใช้เห็ดหลินจือมาบำรุงเลือดและลมปราณ บวกกับใช้เหมล็ดพุทธาจีน มาบำรุงเลือดและหัวใจ

จะทำให้ร่างกายสมดุล สงบ ช่วยทั้งเรื่องของการนอนหลับและเสริมภูมิต้านทาน ช่วยซ่อมแซมร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อและโรคต่างๆ ช่วยลดความรุนแรงของการเจ็บป่วย และช่วยให้ฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น ทั้งการนอนหลับที่มีคุณภาพยังส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี เพิ่มความยืดหยุ่นทางอารมณ์ ให้พร้อมรับมือกับชีวิตในแต่ละวัน สนับสนุนสุขภาพให้เราออกไปตามความฝันต่อไป