บทสัมภาษณ์นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรบริหารสองผู้สถาปนา เพชรบริหาร และเพชรสองผู้สถาปนา (Cover Story) | นิตยสารอะชีฟ ฉบับมีนาคม 2565

ทั้งคุณพีระ (แม็กซ์) พันธุ์พิพัฒน์ และคุณชนัดดา (ปู) ปรีชาหาญ เติบโตในครอบครัวที่มีฐานะดี มีความเป็นอยู่สุขสบาย และนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย “ผมไม่เคยคิดจะทำธุรกิจครับ ไม่เคยอยากมีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง ตอนนั้นคิดว่าเรียนจบก็คงทำงานเป็นพนักงานประจำทั่วไป แค่นั้นครับ (ยิ้ม)” แต่หลังพบธุรกิจแอมเวย์โดยการแนะนำของญาติ ความคิดคุณแม็กซ์ก็เริ่มเปลี่ยน “พออยู่ในธุรกิจนี้ สิ่งที่ได้รับคือการกระตุ้นให้เริ่มคิดที่จะรับผิดชอบตัวเอง ดูแลคนรอบข้าง ซึ่งนี่คือการพัฒนาตัวเอง เป็นสิ่งที่ไม่ใช่แค่ทำให้เราโชคดีแต่ทำให้คนรอบข้างโชคดีไปด้วย” และคนที่คุณแม็กซ์ส่งต่อความโชคดีนี้ไปให้ก็คือคนใกล้ตัวอย่างคุณปู “ไม่เคยมีใครชวนปูทำอะไรเลยค่ะ ตัวปูเองก็ไม่ได้คิดจะทำธุรกิจ คิดแค่ว่าเรียนให้จบ ยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ดูแลเราอยู่แล้ว กระทั่งแม็กซ์ชวนมาทำธุรกิจนี้ ก็รู้สึกว่าเราจะทำได้เหรอ ดูไม่ใช่ทางเรา (หัวเราะ) แต่แม็กซ์เป็นคนให้แนวคิดว่า ความสำเร็จของเราไม่ต้องเหมือนคนอื่น เราสำเร็จในธุรกิจนี้แบบที่เป็นเราได้ค่ะ (ยิ้ม)”

เรียนรู้ให้เข้าใจ นำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาตนเอง คือแนวทางการทำธุรกิจของทั้งคู่ที่เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน เป็นการเติบโตในเส้นทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างนั้นคุณปูและคุณแม็กซ์ก็บอกว่า ก่อนจะขึ้นเป็นเพชร การทำธุรกิจของพวกเขาก็ยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนนัก “พอเป็นเพชรเราก็เริ่มศึกษาและทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นสามารถเดินตามเราได้ง่ายขึ้นค่ะ” และหนึ่งในแนวทางการสร้างระบบของทั้งคู่ก็คือ การทำธุรกิจแบบออนไลน์ ซึ่งคุณปูเล่าให้ฟังว่า “ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อว่าการทำธุรกิจออนไลน์จะประสบความสำเร็จ เพราะเราเผลอเอาไม้บรรทัดของตัวเองไปวัดคนอื่น คิดว่าการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในโลกออนไลน์เป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องเต็มที่ เราทำตามแบบเต็มร้อย ทำไปสงสัยไป นี่ละค่ะ (หัวเราะ) ปูคิดว่าการทำธุรกิจออนไลน์ ความจริงเป็นสิ่งสำคัญ ให้ข้อมูลจริง แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเรามีตัวตนจริง จริงใจและต่อเนื่อง พอเห็นผลลัพธ์ความสงสัยก็จะหมดไป ความเชื่อก็เพิ่มขึ้นค่ะ”

“ข้อดีของการทำธุรกิจแบบออนไลน์คือ ไม่มีขอบเขต ประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน ทำให้เราได้นักธุรกิจใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น แต่ข้อที่ต้องระวังคือพอเป็นออนไลน์ เวลาเราอธิบาย ถ่ายทอดความรู้ คนอาจขาดสมาธิเพราะมีสิ่งรอบตัวมารบกวนได้ง่าย ดังนั้น คนเข้ามาในธุรกิจเพิ่มขึ้นแต่เราต้องคิดว่าจะทำยังไงให้เขาโฟกัสและไปต่อ ซึ่งพอทำมาเรื่อยๆ ก็เริ่มจับทิศทางได้ว่าต้องบอกให้เขารู้ว่าข้อดีในการเรียนรู้ออนไลน์คืออะไร หลุมพรางที่เขาจะเจอคืออะไร เขาจะได้ไม่ตกหลุมพรางนั้นครับ”

จากวัยรุ่นสองคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย วันนี้ทั้งคู่วางแผนว่าอยากสร้างธุรกิจให้เติบโตไปในอีกหลายประเทศทั่วโลก “ธุรกิจนี้เปิดโลกทัศน์เรามากๆ ค่ะ ทำให้เรากล้าคิด กล้าฝัน ไม่กลัวผลกระทบอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น วันนี้เรามีลูก (ยิ้ม) เราฝันว่าอยากให้ลูกได้ไปเรียนรู้ในหลายประเทศ ขณะที่เราก็ไปทำธุรกิจด้วย เราอยากเปิดโลกให้ลูกเห็นว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำอยู่มันเจ๋งนะ อยากให้เขาเรียนรู้ว่าธุรกิจนี้ทำให้มีอิสระในชีวิต ทำให้เขาเลือกอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ นี่ก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญค่ะ” สิ่งที่พิเศษมากของธุรกิจนี้คือคุณจะไม่โดดเดี่ยว เป็นข้อสรุปของคุณแม็กซ์ “เรามีอัพไลน์ที่หวังดี พร้อมช่วยเหลือ คอยจับมือเราทำโดยเราไม่ต้องจ่ายเงินจ้าง จ่ายแค่ความพยายามและความตั้งใจ ดังนั้น ถ้าคุณเพิ่งเริ่มยังไม่ต้องเชื่อเต็มร้อยก็ได้ครับว่าคุณจะสำเร็จ ขอแค่ทุ่มเท เรียนรู้และลงมือทำเต็มร้อยอย่างต่อเนื่องแล้วพอรู้ตัวอีกทีคุณก็จะเชื่อว่าคุณเองก็สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจนี้ได้ครับ”

ลำดับขั้นความสำเร็จ

เพราะเชื่อมั่นเสมอว่าการกล้าเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ จะทำให้ได้พบเจอชีวิตใหม่ คุณวัชราภรณ์ (ภรณ์) ทองศิริธนะโภคิน จึงไม่เคยหยุดขวนขวายเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตน คุณภรณ์เริ่มต้นเล่าเรื่องราวในวันวานด้วยรอยยิ้มว่า แต่ก่อนเธอเป็นสาวโรงงาน ทำงานเป็นกะ บ่อยครั้งที่ต้องอดตาหลับขับตานอน ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ย่อท้อ นอกจากงานประจำแล้วยังหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองอย่างการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ มาเสมอ จนความขยันของเธอเตะตาเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง “พี่ที่ทำงานเขาเห็นว่าเราเป็นคนขยันเลยชวนมาฟังธุรกิจ พอฟังจบก็สมัครเลยค่ะ จำได้ว่าวันนั้นหลังจ่ายค่าสมัครแล้วทั้งตัวเหลืออยู่แค่ร้อยเดียว (หัวเราะ) เราอยากเปลี่ยนชีวิตอยู่แล้ว พอฟังคนที่มาพูดก็รู้สึกมีความฝัน มีความหวัง มีแรงบันดาลใจ ตอนนั้นลืมหมดค่ะว่าไม่มีตังค์ พูดไม่เก่ง เป็นสาวโรงงานที่ทำงานเป็นกะ ไม่มีเวลา เราลืมทุกปัญหาไปเลย ไม่มีความสงสัยว่าจะทำได้หรือไม่ได้ รู้แต่ว่าต้องลองดูสักตั้งค่ะ”

คุณภรณ์มองเห็นภาพความฝันอันสวยงาม แต่เส้นทางไปสู่ฝันนั้นแน่นอนว่าไม่สวยหรู “ตอนแรกเราคิดว่าธุรกิจนี้คืองานขาย ก็ขายอย่างเดียวเลย ไม่มีใครซื้อ (หัวเราะ) เพราะค่าแรงรายวันน้อยอยู่แล้ว สมัยนั้นจะซื้อสบู่น้ำผึ้งก้อนนึงต้องทำงานสองวันค่ะ ยอมรับว่าท้อแต่ไม่ถอย ไปปรึกษาอัพไลน์ ได้รับคำแนะนำว่าเราต้องรู้จักสินค้าก่อน เราก็ทำตาม เรียนรู้จนเข้าใจ ทีนี้ก็เริ่มเติบโต จากนั้นจึงเรียนรู้มาเรื่อยๆ ค่ะ” คุณภรณ์บอกว่าเมื่อมองย้อนกลับไป ตัวเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าด้วยการทำงานพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอในวันนั้นจะนำมาสู่ความสำเร็จในวันนี้ “พอมองย้อนกลับไปคิดว่าการอยู่ในบรรยากาศนั้นทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจต่อเนื่อง เหมือนต้นไม้กำลังจะเหี่ยวพอได้น้ำก็สดชื่นขึ้นมา เจอปัญหาก็ปรึกษาอัพไลน์เพื่อแก้ไข แล้วก้าวเดินต่อไป ไม่คิดถอยค่ะ เพราะเรามีเป้าหมายคืออยากลาออกจากงาน จะได้ไม่ต้องอดนอน ไม่ต้องเข้ากะเหน็ดเหนื่อย จะได้มีชีวิตเป็นของเราเอง เรามีฝันที่ชัดมากและเรายอมแลกค่ะ”

ธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่รายได้เสริม เป็นคอนเซปต์หลักที่คุณภรณ์มักบอกกับผู้คนในองค์กรเสมอ “เราจะบอกทุกคนว่า นี่คือธุรกิจของคุณที่จะทำให้คุณเลี้ยงตัวเองได้ ดูแลครอบครัวได้ สมัยก่อนตอนเริ่มทำใหม่ๆ เรายังไม่เข้าใจถ่องแท้จึงทำให้เห็นแค่ภาพเล็กก็มักจะบอกว่าเป็นรายได้เสริม แต่วันนี้เราเข้าใจและเห็นภาพที่แท้จริงของธุรกิจแล้ว เราก็ต้องนำข้อมูลเหล่านี้ส่งต่อออกไปค่ะ”

เติบโตด้วยการทำงานพื้นฐาน ขยายฐานความสำเร็จจากหนึ่งไปสู่สิบ ก้าวย่างอย่างไม่รีบร้อนแต่มั่นคงและยั่งยืน ยังคงเป็นแนวทางหลักที่คุณภรณ์เลือกใช้ในการก้าวสู่ความสำเร็จมาโดยตลอด “เราชัดเจน แต่ไม่รีบค่ะ ค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ ค้นหาคนที่มีฝัน มีเป้าหมายเหมือนกัน แล้วก้าวไปด้วยกัน สร้างความมั่นคงให้เติบโตอย่างยั่งยืน ธุรกิจนี้ทำให้ฝันเราเป็นจริง เรามีบ้านมีรถ ได้ปลูกบ้านให้แม่ ได้ส่งน้องเรียน ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งถ้าทำงานเดิมคงไม่มีวันทำได้ วันนี้เราจึงอยากใช้ธุรกิจนี้ส่งต่อโอกาสให้ผู้คน แบ่งปันประสบการณ์ของเราให้กับคนที่เดินตามมา เป็นโค้ชเพื่อให้เขาสำเร็จ นี่คือความสุขของเราค่ะ (ยิ้ม)”

อย่าทำธุรกิจตามอารมณ์ คือบทสรุปสู่ความสำเร็จที่คุณภรณ์ตกผลึกมาด้วยตัวเอง “นี่คือธุรกิจของเรา เป็นความมั่นคงของชีวิต ดังนั้นอย่าทำตามอารมณ์ ต้องยืนหยัด ทำตามแนวทางการสร้างผู้นำของแผนธุรกิจ ในตอนแรกอาจรู้สึกว่าไม่เห็นมีอิสระเลย แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องแลก เราต้องเรียนรู้ มีวินัย ลงมือทำอย่างจริงจังมุ่งมั่น และเมื่อสำเร็จเราจะได้รับอิสรภาพที่แท้จริงอย่างแน่นอน ยืนยันค่ะ”

ลำดับขั้นความสำเร็จ