โครงการฟาร์มสุขภาพของหนู ปี3 | นิตยสารอะชีฟ ฉบับพฤศจิกายน 2564

โครงการฟาร์มสุขภาพของหนู ปี 3 โดยกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนและมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย จับมือกูรูผู้เชี่ยวชาญ บอกเล่าเคล็ดลับการดูแลสุขภาพและการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ เพื่อให้มีพัฒนาการสมวัย ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดลับสำหรับดูแลเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 22 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาปรับใช้ในการดูแลเด็กน้อยที่บ้านของเราได้ด้วย

รศ.ดร.สุวิมล ทรัพย์วโรบล ประธานหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต  สาขาโภชนาการและการกำหนดอาหาร  คณะสหเวชศาสตร์   จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อร่างกายพร้อม สมองก็พร้อมเรียนรู้ และสนุกกับกิจกรรมต่างๆ

จัดอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในมื้ออาหารประจำวันของเด็กๆ ทำได้ง่ายๆ

	เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง
	ให้โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ ทำให้ร่างกายเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากได้รับไม่เพียงพอ: เตี้ย ภูมิต้านทานต่ำ เรียนรู้ช้า
	ข้าว แป้ง เผือก มัน และน้ำตาล
	ให้คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หากได้มากไป: ร่างกายจะเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันสะสม หากได้รับไม่เพียงพอ: ร่างกายจะไปใช้โปรตีนไปสร้างพลังงานแทนการนำไปใช้สร้างกล้ามเนื้อ
	ผัก
	ให้วิตามิน แร่ธาตุ ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและไขมันเข้าสู่ร่างกาย หากได้รับไม่เพียงพอ: ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและการมองเห็น
	ผลไม้
	ให้วิตามิน แร่ธาตุ ช่วยให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ตามปกติ หากได้รับไม่เพียงพอ: ระบบประสาทจะทำงานไม่ดี ภูมิต้านทานต่ำ เบื่ออาหาร
	ไขมันจากสัตว์และจากพืช
	ไขมันให้พลังงานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน หากได้รับไม่เพียงพอ: การเจริญเติบโตบกพร่อง ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้น้อยลง

อย่าลืมว่าอาหารมีผลโดยตรงกับการพัฒนาสมองและร่างกาย

ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็กๆ สารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองเด็กพบได้ที่ไหนบ้าง

แก้ปัญหาเด็กๆ เบื่ออาหารกับเมนูซ้ำๆ

ด้วยการจัดเมนูอาหารเป็นแบบชุดล่วงหน้าสำหรับ 10 - 15 วันไม่ซ้ำกัน เมื่อเด็กๆ ได้กินครบทุกเมนูแล้วค่อยวนกลับไปเมนูแรกใหม่เพียงเท่านี้ เด็กๆ ก็จะคาดเดาเมนูแต่ละวันไม่ได้แล้ว

จัดอาหารว่างให้เด็กๆ

ด้วยนมรสจืดหรือน้ำผลไม้ตามธรรมชาติ หรือผลไม้สดไม่ปรุงแต่งรส ไม่หมักดอง รวมทั้งขนมไทยที่รสไม่หวานจัด

ดร.วรนาท รักสกุลไทย นักการศึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาปฐมวัยและการพัฒนาเด็ก

ส่งเสริมให้สมองของเด็กพัฒนาอย่างมีคุณภาพ และได้เรียนรู้ว่าการมีสุขภาพดีเริ่มต้นได้ที่ตัวเอง

สร้างสิ่งแวดล้อมที่อบอุ่นและเป็นมิตร

เพื่อป้องกันเซลล์สมองถูกทำลายจากความเครียดและความวิตกกังวลต่างๆ

สมองจะจดจำได้ดีเมื่อเด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Active Learning)

ชวนเด็กๆ มีส่วนร่วมตั้งแต่แรก โดยกระตุ้นให้เด็กๆ ตั้งคำถามและเป็นผู้ริเริ่มทำสิ่งต่างๆ ซึ่งจะทำให้เด็กๆ มีแรงผลักดันจากภายใน จากนั้นเปิดโอกาสให้เขาคิดอย่างยืดหยุ่น วางแผน ฝึกแก้ปัญหา และฝึกการตัดสินใจอยู่เรื่อยๆ เช่น ครูจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ชวนนักเรียนให้มาร่วมกันคิดวางแผนการปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และรับผิดชอบการดูแลพื้นที่การเกษตรจนถึงขั้นตอนเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อนำมาทำเป็นอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนทุกคน โดยมีครูคอยสนับสนุนอยู่ใกล้ๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง และยังภูมิใจกับผลงาน ซึ่งจะเสริมความมั่นใจและยังเป็นทักษะชีวิตติดตัวเขาไปตลอดชีวิต

นาวาโทอัทธา พงศ์สุวรรณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน บ้านทุ่งลุงโก้

จุดเริ่มต้นของมื้ออาหารคุณภาพ สำหรับเด็กๆ คือการวางแผนการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์อย่างเหมาะสม

ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน มีการวางแผนการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ให้หลากหลายและเหมาะสมกับพื้นที่

และรู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มาหมุนเวียนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำวัชพืชและมูลสัตว์มาเป็นส่วนผสมในการทำปุ๋ยธรรมชาติเพื่อบำรุงพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยและยังมีรสชาติอร่อยอีกด้วย
สำหรับบ้านของเราเอง ลองจัดพื้นที่เล็กๆ แล้ววางแผนและลงมือปลูกพืชผัก สวนครัวง่ายๆ ร่วมกับเด็กๆ และเมื่อมีผลผลิตออกมาแล้วก็ให้พวกเขาได้มี ส่วนร่วมในการเก็บพืชผักไปปรุงอาหารรับประทานกัน

โภชนาการที่ดีเพื่อเด็กเติบโตสมวัย สังคมไทยเข้มแข็งยั่งยืน

การสร้างฟาร์มสุขภาพของแต่ละโรงเรียน

---

---