ดับต้นเพลิงทางธุรกิจ ด้วยกฎจรรยาบรรณ | นิตยสารอะชีฟ ฉบับมกราคม 2566

“ทำไมเป็นแต่องค์กรของผม”
“องค์กรอื่นโดนบ้างไหมเนี่ย”
“เริ่มหมดกำลังใจแล้วนะ”
ล้วนเป็นเรื่องที่บริษัทมักได้รับเป็นประจำจากนักธุรกิจบางท่าน เมื่อบริษัทตรวจพบการกระทำความผิดของดาวน์ไลน์ของพวกเขา สิ่งที่ดีที่สุดที่ทางทีมจรรยาบรรณทำได้คือ ยิ้มรับแล้วตอบว่า “เรามาช่วยกันแก้ปัญหาเถอะ” แม้เหมือนจะเป็นคำตอบที่ดูตัดบท แต่นั่นเป็นการจัดการเรื่องจริงที่อยู่ตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อบริษัทตรวจพบการกระทำผิด อัพไลน์ที่ได้รับสำเนาจดหมายจากการกระทำผิดของดาวน์ไลน์และหรือผิดกฎบริษัทแล้วแต่ไม่มีการแก้ไขปัญหา บอกได้คำเดียวเลยว่า หายนะใหญ่ของธุรกิจกำลังรอเราอยู่ทั้งตัวอัพไลน์เองและบริษัทด้วย

ดังนั้น เมื่อใดที่ท่านผู้นำได้รับสำเนาจดหมายซึ่งแจ้งให้ท่านทราบว่าพบการทำผิดของดาวน์ไลน์ของท่าน สิ่งที่เราควรจะเริ่มต้นด้วยกันคือ ร่วมกันทำความจริงให้ปรากฏหรือร่วมกันหาทางแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามจนเป็นปัญหาใหญ่โตขึ้นในอนาคต และแน่นอนว่าอาจจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของอัพไลน์บ้าง เช่น การนำเอายอดธุรกิจดังกล่าวไปนับรวมคุณสมบัติ แต่ถ้าเราปล่อยให้ปัญหานี้ยังคงอยู่ในธุรกิจ จะเรียกว่าหลับตาข้างหนึ่งหรือพยายามปิดหูปิดตาก็ตาม ท้ายที่สุดเมื่อปัญหาดังกล่าว ใหญ่ขึ้นหรือลุกลามมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบกับท่านนักธุรกิจในฐานะอัพไลน์มากขึ้นก็ได้

เปรียบเหมือนกับเหตุการณ์ไฟไหม้กองเล็กๆ แต่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าต้นเพลิงเกิดจากเราหรือบ้านของเรา จึงใช้น้ำหรือถังดับเพลิงขนาดเล็กดับไฟได้สำเร็จโดยไม่ต้องแจ้งหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย แต่หากไฟกองนั้นแท้จริงแล้วเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเราไม่ได้กลับไปแก้หรือเดินหน้าหาต้นเหตุ ก็มีโอกาสเกิดไฟไหม้อีกครั้งและหากควบคุมเพลิงไม่ทันหรือควบคุมไม่ได้ ความเสียหายอาจจะไม่เกิดขึ้นแค่กองเพลิงขนาดเท่าเดิม แต่อาจลุกลามไปทั่วบ้านและอาจลามไปถึงเพื่อนบ้านด้วย เมื่อนั้นการถามหาความรับผิดชอบจากท่านก็จะตามมาทันที