Venice เมืองเวนิส โดย สุชาดา ประคัลภงส์ | นิตยสารอะชีฟ ฉบับกรกฎาคม 2565
 |
เรือสำราญเทียบท่าแรก ภาพตรงหน้าคือเกาะกลางน้ำที่ไม่ใช่เกาะแบบมีต้นมะพร้าวและทรายเต็มพื้น แต่เป็นเกาะที่สะกดทุกสายตาให้ตะลึงกับความงามของการรวมสถาปัตยกรรมหลายยุคเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จนเรียกเกาะนี้ว่า “เมือง” ใช่ค่ะ นี่คือ เมืองเวนิส (Venice) หรือเมืองเวเนเซีย (Venazia) ถ้าออกเสียงแบบอิตาเลียน เมืองที่ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี จนเมืองนี้กลายเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก ไปซะนั่น |
"เมืองเวนิส เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี จุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั่วโลกพ่วงคำการันตีจากองค์การยูเนสโกที่ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในค.ศ. 1879 ที่เก๋ไก๋ไปกว่านั้นคือ เวนิสมักมีชื่อเล่นหรือฉายามากมายจากคนทั่วทุกมุมโลกที่ตั้งให้ หมวยจะพาไปดูคร่าวๆ กันว่าเมืองเวนิสมีฉายาอะไรบ้างค่ะ"
“ห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป” เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงของจักรพรรดิ นโปเลียน โบนาปาร์ต แห่งฝรั่งเศส โดยบริเวณจัตุรัสซานมาร์โคเป็นแหล่งรวมของดี ของเด็ด และบรรดาแลนด์มาร์กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมตลอดทั้งปี เช่น หอระฆังซานมาร์โค (Campenile di San Marco) ซึ่งเดินขึ้นไปชมวิวจากชั้นบนสุดของหอระฆังได้ ถัดมาเป็นหอนาฬิกาโบราณ ทอร์เรเดล ออโรลอโจ (Torre dell’ Orologio) ตัวนาฬิกามีลวดลายเป็นจักรราศี มหาวิหารซานมาร์โค หรือที่ชาวเวนิสเรียกว่า บาซิลีกา ดี ซาน มาร์โค (Basilicadi San Marco) เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง และเป็นการผสมผสานศิลปะของหลายยุคไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบแซนไทน์ โรมาเนสก์ กอทิก ไปจนถึงเรเนสซองส์ รวมทั้งการประดับประดาด้วยหินอ่อน และจิตรกรรมโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่เพดานจรดพื้น บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองและมั่งมีในการเดินทางทำการค้าของชาวเมืองนี้ในอดีต
รอบๆ จัตุรัสซานมาร์โคยังเป็นย่านช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังและสินค้าที่ระลึก ให้เหล่านักช็อปได้เพลิดเพลินไปกับบรรดาร้านรวงที่แทรกตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยต่างๆ และเมื่อถึงยามค่ำคืน เมืองทั้งเมืองจะพราวพริบระยิบระยับด้วยแสงไฟจนทำให้เวนิสมีอีกฉายาว่า เมืองแห่งแสงสว่าง (City of Light)
เมืองแห่งสายน้ำ เวนิสมีคลองใหญ่ไหลผ่านกลางเมืองเรียกกันว่า แกรนด์คาแนล (Grand Canal) และมีคูคลองย่อยๆ อีกกว่า 150 สาย ความผูกพันระหว่างชาวเวนิสกับสายน้ำจึงเป็นเรื่องราวที่ไม่อาจแยกขาดจากกัน การเชื่อมต่อวิถีความเป็นอยู่ของผู้คนด้วยการสัญจรทางน้ำผ่านคูคลองน้อยใหญ่ที่ใช้แทนถนน ดังนั้น เรียกได้ว่าเมืองเวนิสไม่ง้อรถยนต์เลยแม้แต่น้อย
เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) ในเวนิสที่มีมากกว่า 400 แห่ง สะพานโด่งดังที่มักเห็นเป็นแบ็กกราวนด์ในภาพยนตร์ต่างๆ มีชื่อว่า สะพานรีอัลโต (Rialto Bridge) เป็นสะพานข้ามคลองแกรนด์ คาแนล ที่เก่าแก่ที่สุดและมีจุดเด่นคือ เป็นสะพานหินที่มีหลังคางดงามและเป็นย่านการค้าที่คงอยู่ผ่านกาลเวลามานานนับร้อยๆ ปี นอกจากนี้ ยังมีสะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) หรือสะพานพอนเต เดย์ โชสปีรี (Ponte dei Sospiri) ซึ่งในอดีตสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเดินเชื่อมจากพระราชวังปาลัซโซ ดูกาเล (Palazzo Ducale) ไปยังคุกคุมขังนักโทษ ว่ากันว่าชื่อนี้ตั้งมาจากอาการของเหล่านักโทษเมื่อได้มองเห็นวิวอันงดงามของเวนิสเป็นครั้งสุดท้ายผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ ของสะพาน ก่อนที่พวกเขาจะสูญสิ้นอิสรภาพ แต่กลับกันมีความเชื่อว่าหากคู่รักล่องเรือกอนโดล่าลอดใต้สะพานนี้แล้วจุมพิตกัน ความรักของคนคู่นั้นจะยืนยาวชั่วฟ้าดินสลาย
ดังนั้น หมวยจะไม่รอช้า รีบวิ่งไปจองเรือกอนโดล่าอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เป็นเหมือนโลโก้แห่งเมืองเวนิส แล้วให้คนพายเรือลอดใต้สะพานสักสิบยี่สิบรอบ หมวยก็แค่อยากมีความรักดีๆ ยืนยาวๆ และดื่มด่ำความโรแมนติกที่เวนิสก็เท่านั้นเอง...Ciao
หมายเหตุ: ภาพบรรยากาศเป็นเพียงภาพประกอบเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการท่องเที่ยวตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม การจัดรายการหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกกรณี ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจแอมเวย์ ฉะนั้น การพิจารณารางวัลสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ในดุลพินิจของบริษัท ผู้ที่จะได้รับรางวัลในกิจกรรมส่งเสริมการขายแต่ละกิจกรรม จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข จรรยาบรรณ และระเบียบปฏิบัติของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
